E-Payment กับการฝากและรับโอนเงิน
จากการที่วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น การขายของในปัจจุบันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีหน้าร้าน สามารถขายสินค้าและทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ รัฐบาลจึงมีมาตรการให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงิน ที่เป็นธุรกรรมลักษณะเฉพาะแก่กรมสรรพากร
แล้วธุรกรรมลักษณะเฉพาะเป็นอย่างไร แล้วใครต้องเป็นผู้รายงานบ้างล่ะ
ธุรกรรมลักษณะเฉพาะ
ธุรกรรมลักษณะเฉพาะในที่นี้หมายถึง การฝากเงินเข้าบัญชี การรับโอนเงิน ตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม ในแต่ละปี ที่มีเงื่อนไขดังนี้
1. การฝากเงิน หรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้ง ขึ้นไป ต่อหนึ่งสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์
2. การฝากเงิน หรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้ง ขึ้นไป และ มีจำนวนเงินรวมตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป ต่อหนึ่งสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์
ผู้ที่มีหน้าที่รายงานข้อมูล
ผู้ที่มีหน้าที่รายงานข้อมูลธุรกรรมลักษณะเฉพาะต่อกรมสรรพากรได้แก่
1. สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
2. สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เช่น ธกส., ธอส., ออมสิน, SME Bank
3. ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Truemoney, MRT, Rabbit linepay
หลักเกณฑ์การนับจำนวนธุรกรรมลักษณะเฉพาะ
การนับจำนวนครั้งของการทำธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงิน จะเป็นการนับจำนวนครั้งที่มีการฝาก หรือโอนเงินเข้าบัญชี ดังนี้
1. นับการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งของตนเองในธนาคารเดียวกัน
2. นับการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่งของตนที่อยู่ต่างธนาคาร (ธนาคารปลายทางผู้รับเงินหรือรับโอนเป็นผู้นับ)
3. นับการฝากเงินเข้าบัญชีตนเองผ่านเคาท์เตอร์ธนาคาร หรือตู้ ATM
4. กรณีเปิดบัญชีครั้งแรกให้นับรวมด้วย
5. กรณีการเปิดบัญชีร่วม หากมีการเก็บข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนของผู้เปิดบัญชีร้่วมทุกคนให้ถือว่าเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีของแต่ละรายผู้เป็นเจ้าของบัญชี แต่หากมีการเก็บข้อมูลเลขประจำตัวประชาชนของผู้เปิดบัญชีเพียงคนเดียวให้ถือว่าเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีของผู้เปิดบัญชีนั้น
6. กรณีมีการเปิดบัญชีในนามคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ และธนาคารเก็บข้อมูลโดยใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ถือเป็นข้อมูลของคณะบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น ไม่เกี่ยวกับบัญชีส่วนตัวของบุคคลที่อยู่ในคนธบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น
ผลบังคับใช้
1. กฎหมายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2562
2. วันที่เริ่มเก็บข้อมูลครั้งแรกในปี 2562 กฎหมายยังไม่ได้กำหนด แต่ต้องส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563
3. ในปีถัดไปเป็นการเก็บข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม - ธันวาคม และนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรภายในเดือนมีนาคม ของปีถัดไป
ตัวอย่าง
ตัวอย่างที่ 1
ตัวอย่างที่ 2
ตัวอย่างที่ 3
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง : www.rd.go.th
คุณต้องการเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ย 3% หรือไม่? ถ้าใช่ผู้สมัครที่สนใจควรติดต่อเราวันนี้เพื่อขอสินเชื่อออนไลน์ที่ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องมีหลักประกัน
ตอบลบอีเมล: atlasloanfirm@outlook.com
Hangout: +1 (443) -345-9339
WhatsApp: +1 (443) -345-9339
ใช้หลักฐานอะไรบ้างคะสนใจคะะ
ตอบลบ