ยกเว้น/ไม่ยกเว้น ดอกเบี้ยเงินฝาก 20,000 บาท
ตามกระแสข่าวที่ว่ากรมสรรพากรไม่ยกเว้นเงินได้จากดอกเบี้ยเงินฝาก ประเภทออมทรัพย์ให้แก่ผู้มีเงินได้นั้น ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ลองมาดูกัน
ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 346) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ย
เงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝาก
ตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์ นั้น สรุปได้คร่าวๆ ดังนี้
คำจำกัดความ
“ดอกเบี้ย” หมายความว่า ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในประเทศ ที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถาม
ประเภทออมทรัพย์
“ผลตอบแทนเงินฝาก” หมายความว่า ผลตอบแทนเงินฝากธนาคารในประเทศ ที่ได้รับ
จากการฝากเงินตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ดอกเบี้ยและผลตอบแทนเงินฝากที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสีย
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
1. ผู้มีเงินได้ที่มีการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารในประเทศ แล้วมีดอกเบี้ยและหรือผลตอบแทนเงินฝากทุกบัญชีรวมกัน มีจำนวนรวมกันทั้งสิ้นไม่เกิน 20,000 บาท ตลอดปีภาษี
2. ยินยอมให้ธนาคารนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กับกรมสรรพากร (โดยไม่ได้ไปแจ้งกับธนาคารไม่ให้นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร)
3. เมื่อกรมสรรพากรได้รับข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากจากธนาคารแล้ว กรมสรรพากรจะประมวลผลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมของผู้มีเงินได้แต่ละคน แล้วส่งข้อมูลกลับให้ธนาคาร ดำเนินการดังนี้
- หากผู้มีเงินได้ มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมทุกบัญชีแล้วไม่เกิน 20,000 บาท ต่อปี ธนาคารไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15 % นำส่งกรมสรรพากร และผู้มีเงินได้ก็ไม่ต้องนำเงินได้ดอกเบี้ยส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีปลายปี (ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
- แต่หากผู้มีเงินได้ มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมทุกบัญชีแล้ว เกิน 20,000 บาท ต่อปี ธนาคารต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15 % นำส่งกรมสรรพากร ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำเงินได้ส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้ หากไม่ประสงค์ที่จะขอคืนเงินภาษีที่ถูกธนาคารหักไว้
ผลของการไม่ประสงค์ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กรมสรรพากรนั้น ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากของผู้มีเงินได้ทุกครั้งที่มีการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝาก ไม่ว่าจะมีจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ตาม
ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากที่ผู้มีเงินได้ถูกธนาคารหัก ณ ที่จ่ายไว้ 15% นั้น ผู้มีเงินได้มีสิทธิที่จะเลือกเสียภาษีตามที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตอนปลายปีก็ได้ หรือหากต้องการเงินที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้คืน ก็ให้นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตอนปลายปีเพื่อขอคืนภาษี
สรุปง่ายๆ กันเลยก็คือ หากเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ได้ไปแจ้งธนาคารไม่ให้นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร กรมสรรพากรจะถือว่าท่านยินยอมให้ข้อมูลแก่กรมสรรพากรกันโดยอัตโนมัติ
2. นาย ก ฝากเงินประเภทออมทรัพย์ไว้กับธนาคาร 3 แห่ง และได้รับดอกเบี้ยจากธนาคาร โดยนาย ก ได้ไปแจ้งกับธนาคารไม่ให้นำส่งข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมสรรพากร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 346) ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2562
3. เมื่อกรมสรรพากรได้รับข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากจากธนาคารแล้ว กรมสรรพากรจะประมวลผลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมของผู้มีเงินได้แต่ละคน แล้วส่งข้อมูลกลับให้ธนาคาร ดำเนินการดังนี้
- หากผู้มีเงินได้ มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมทุกบัญชีแล้วไม่เกิน 20,000 บาท ต่อปี ธนาคารไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15 % นำส่งกรมสรรพากร และผู้มีเงินได้ก็ไม่ต้องนำเงินได้ดอกเบี้ยส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีปลายปี (ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา)
- แต่หากผู้มีเงินได้ มีดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากรวมทุกบัญชีแล้ว เกิน 20,000 บาท ต่อปี ธนาคารต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย 15 % นำส่งกรมสรรพากร ผู้มีเงินได้มีสิทธิเลือกเสียภาษีโดยไม่ต้องนำเงินได้ส่วนนี้ไปรวมคำนวณภาษีปลายปีก็ได้ หากไม่ประสงค์ที่จะขอคืนเงินภาษีที่ถูกธนาคารหักไว้
กรณีไม่ประสงค์ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กรณีที่ผู้มีเงินได้ไม่ประสงค์จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้แจ้ง ธนาคารซึ่งเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากเพื่อไม่ให้นำส่งข้อมูลเกี่ยวกับดอกเบี้ยหรือ ผลตอบแทนเงินฝาก ให้กับกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไปผลของการไม่ประสงค์ให้ธนาคารแจ้งข้อมูลดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากให้กรมสรรพากรนั้น ธนาคารจะหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากของผู้มีเงินได้ทุกครั้งที่มีการจ่ายดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝาก ไม่ว่าจะมีจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ตาม
ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนเงินฝากที่ผู้มีเงินได้ถูกธนาคารหัก ณ ที่จ่ายไว้ 15% นั้น ผู้มีเงินได้มีสิทธิที่จะเลือกเสียภาษีตามที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้ โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตอนปลายปีก็ได้ หรือหากต้องการเงินที่ถูกหัก ณ ที่จ่ายไว้คืน ก็ให้นำไปรวมคำนวณกับเงินได้อื่นตอนปลายปีเพื่อขอคืนภาษี
สรุปง่ายๆ กันเลยก็คือ หากเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ได้ไปแจ้งธนาคารไม่ให้นำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร กรมสรรพากรจะถือว่าท่านยินยอมให้ข้อมูลแก่กรมสรรพากรกันโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่าง
1. นาย ก ฝากเงินประเภทออมทรัพย์ไว้กับธนาคาร 3 แห่ง และได้รับดอกเบี้ยจากธนาคาร โดยนาย ก ให้ธนาคารนำส่งข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมสรรพากร
2. นาย ก ฝากเงินประเภทออมทรัพย์ไว้กับธนาคาร 3 แห่ง และได้รับดอกเบี้ยจากธนาคาร โดยนาย ก ได้ไปแจ้งกับธนาคารไม่ให้นำส่งข้อมูลการจ่ายดอกเบี้ยให้แก่กรมสรรพากร
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง : ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 346) ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2562
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น