การหักลดหย่อนบิดามารดา
การเลี้ยงดูบิดามารดาเมื่อเราเจริญเติบโตขึ้นมีการมีงานทำ เป็นวัฒนธรรมที่คนไทยถือปฏิบัติกันมาช้านานแล้ว ถือเป็นการตอบแทนพระคุณบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เป็นการกตัญญูรู้คุณ เป็นสิ่งที่ดีที่ผู้เขียนคิดว่าช่วยให้เรามีจิตใจที่ดี อ่อนโยน สังคมน่าอยู่ขึ้น เป็นสิ่งหนึ่งที่ยังน่าจรรโลงใจเมื่อเทียบกับการเจริญเติบโตทางด้านเทคโนโลยีที่ปัจจุบันคนไม่ค่อยคุยกันแล้ว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เราดูแลบิดา มารดา รัฐบาลจึงให้ผู้ที่อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาสามารถนำค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดามาหักค่าลดหย่อนได้ค่าลดหย่อนที่เกี่ยวกับการอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่
1. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา
3. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ
1. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมถึงบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
1. ผู้มีเงินได้ หรือสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดา ที่นำมาหักลดหย่อน (บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธิได้)
2. บิดามารดา ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยอายุจะครบ 60 ปีในเดือนใดก็ได้ สามารถนำมาหักลดหย่อนในปีภาษีที่อายุครบ 60 ปีได้เลย
3. บิดามารดา ต้องอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้มีเงินได้
4. บิดามารดา ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 30,000.-บาท ในปีภาษีที่ใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี (เงินได้พึงประเมินในที่นี้ หมายถึงเงินได้พึงประเมินทุกประเภทรวมทั้งเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย)
5. บิดามารดา ต้องมีเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎร หากบิดามารดา เป็นบุคคลต่างด้าว แต่มีเลขประจำตัวประชาชนตามกฎหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎร ก็สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้
6. กรณีผู้มีเงินได้หลายคนอุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา คนเดียวกัน ให้ผู้มีเงินได้คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ตกลงใช้สิทธิลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
7. ต้องมีหลักฐานรับรองการอุปการะเลี้ยงดูจากบิดามารดา (แบบ ล.ย.03)
8. กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยในปีภาษี รวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วไม่ถึง 180 วัน) ให้หักลดหย่อนได้เฉพาะบิดามารดาที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
การหักค่าลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
หักลดหย่อนค่าอุปการะบิดามารดาได้คนละ 30,000.- บาท
*กรณีบิดามารดาเข้าหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามที่กฏหมายกำหนด
2. ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข1. ผู้รับประกันต้องเป็นบริษัทประกันชีวิต หรือบริษัทประกันวินาศภัยที่ประกอบกิจการในประเทศไทย
2. ต้องเป็นเบี้ยประกันสุขภาพดังต่อไปนี้
- การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วย และการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- การประกันภัยอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลการทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- การประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
- การประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)
3. ต้องเป็นการทำประกันสุขภาพให้กับบิดามารดาของผู้มีเงินได้ รวมถึงบิดามารดาของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้
4. ผู้มีเงินได้หรือสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ ต้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดา (บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธิได้)
5. บิดามารดา ต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 30,000.-บาท ในปีภาษีที่ใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษี (เงินได้พึงประเมินในที่นี้ หมายถึงเงินได้พึงประเมินทุกประเภทรวมทั้งเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย)
6. กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยในปีภาษี รวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วไม่ถึง 180 วัน) ให้หักลดหย่อนได้เฉพาะบิดามารดาที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
7. หักลดหย่อนได้ตามจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000.- บาท
8. กรณีผู้มีเงินได้หลายคนร่วมกันทำประกันสุขภาพให้บิดามารดา ให้ผู้มีเงินได้ทุกคนได้รับสิทธิลดหย่อนโดยเฉลี่ยเบี้ยประกันภัยที่ผู้มีเงินได้ได้ร่วมกันจ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000.-บาท ตามส่วนจำนวนผู้มีเงินได้
ตัวอย่างที่ 1 นาย ก นาย ข นาย ค เป็นผู้มีเงินได้ ได้ร่วมกันซื้อเบี้ยประกันสุขภาพให้มารดา จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพไปจำนวน 15,000.- บาท สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ดังนี้
นาย ก ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพมารดาได้ จำนวน 5,000.-บาท
นาย ข ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพมารดาได้ จำนวน 5,000.-บาท
นาย ค ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพมารดาได้ จำนวน 5,000.-บาท
ตัวอย่างที่ 2 พี่ ซื้อเบี้ยประกันสุขภาพให้บิดา จำนวน 10,000.- บาท น้อง ซื้อเบี้ยประกันสุขภาพให้บิดา จำนวน 15,000.-บาท ซื้อให้มารดาจำนวน 10,000.-บาท สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ดังนี้
พี่ ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพบิดาได้ จำนวน 10,000.- บาท
น้อง ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพบิดาได้ จำนวน 15,000.- บาท
ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพมารดาได้ จำนวน 10,000.- บาท
หลักฐานที่ใช้ประกอบการลดหย่อน
1. ใบเสร็จรับเงิน หรือหนังสือรับรองจาก บริษัทประกันชีวิต หรือ บริษัทประกันวินาศภัย
2. ต้องมีข้อความอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
- ชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันภัย
- ชื่อ นามสกุล ของผู้จ่ายเบี้ยประกันภัย (ทุกคน)
- ชื่อ ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้รับประกันภัย
- จำนวนเบี้ยประกันภัย
- จำนวนเงินที่มีสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
3. ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ
นอกจากค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา หากบิดามารดาเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ เรายังสามารถหักลดหย่อนกรณีเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพได้เพิ่มอีกหลักเกณ์การอุปการะบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการ
1. ต้องเป็นคนพิการซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
2. คนพิการที่จะนำมาลดหย่อนต้องมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000.-บาท ในปีภาษีที่ใช้สิทธิลดหย่อน (เงินได้พึงประเมินในที่นี้หมายความรวมถึงเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย)
3. ผู้มีเงินได้ต้องเป็นผู้ดูแลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และมีชื่อเป็นผู้ดูแลคนพิการในบัตรประจำตัวคนพิการ
4. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลคนพิการในระหว่างปีภาษี ให้ผู้มีเงินได้ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเป็นผู้ดูแลคนพิการในบัตรประจำตัวคนพิการคนสุดท้ายในปีภาษีนั้นเป็นผู้มีสิทธิหักลดหย่อน
5. กรณีผู้มีเงินได้หลายคนมีชื่อเป็นผู้ดูแลคนพิการ ให้ทุกคนตกลงกันเพื่อยินยอมให้คนหนึ่งคนใดเป็นผู้ใช้สิทธิลดหย่อน และทำความตกลงเป็นหนังสือโดยทุกคนเป็นผู้ลงนามในหนังสือตกลงยินยอมนั้น
6. กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ขอลดหย่อนรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วไม่ถึง 180 วัน) ให้หักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบุคคลพิการได้เฉพาะบุคคลพิการที่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย
หลักฐานที่ใช้ประกอบในการหักลดหย่อน
- ภาพถ่ายบัตรประจำตัวคนพิการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
- ภาพถ่ายบัตรประจำตัวคนพิการในส่วนที่แสดงว่าผู้มีเงินได้เป็นผู้ดูแลคนพิการ
- หนังสือตกลงยินยอม (กรณีผู้มีเงินได้หลายคนเป็นผู้ดูแลคนพิการในบัตรประจำตัวคนพิการ)
- หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ (แบบ ล.ย.04)
หลักเกณฑ์การอุปการะบิดามารดาซึ่งเป็นคนทุพพลภาพ
1. ต้องเป็นคนทุพพลภาพที่แพทย์ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีภาวะจำกัด หรือขาดความสามารถในการประกอบกิจวัตรหลักอันเป็นปกติเยี่ยงบุคคลทั่วไปอันเนื่องมาจากสาเหตุทางปัญหาสุขภาพ หรือความเจ็บป่วยที่เป็นต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 180 วัน หรือทุพพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 วัน
2. คนทุพพลภาพที่จะนำมาลดหย่อนต้องมีเงินได้พึงประเมินไม่เกิน 30,000.-บาท ในปีภาษีที่ใช้สิทธิลดหย่อน (เงินได้พึงประเมินในที่นี้หมายความรวมถึงเงินได้ที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย)
3. ต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ ที่รับรองว่าผู้มีเงินได้เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดู (แบบ ล.ย. 04-1) โดยผู้รับรองต้องเป็นบุคคลดังต่อไปนี้
3.1 กรณีเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับคนทุพพลภาพ ได้แก่ สามี ภริยา บุตรชอบด้วยกฎหมาย บุตรบุญธรรมหรือหลาน บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันหรือร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา
3.2 กำนันผู้ใหญ่บ้าน ในท้องที่ที่บุคคลทุพพลภาพอยู่อาศัย
3.3 บุคคลที่เป็นสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในท้องที่ที่บุคคลทุพพลภาพอาศัยอยู่
3.4 ผู้รับรองต้องเป็นบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ และรับรองผู้มีเงินได้ได้ไม่เกิน 1 คน สำหรับการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพคนหนึ่งคนใด
4. กรณีผู้มีเงินได้มิได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย (อยู่ในประเทศไทยในปีภาษีที่ขอลดหย่อนรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้วไม่ถึง 180 วัน) ให้หักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบุคคลทุพพลภาพได้เฉพาะบุคคลทุพพลภาพที่เป็นผู้อยู่ในประเทศไทย
หลักฐานที่ใช้ประกอบในการหักลดหย่อน
- ใบรับรองแพทย์ที่แพทย์ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ตรวจและแสดงความเห็นว่าเป็นบุคคลที่มีภาวะจำกัด หรือขาดความสามารถในการประกอบกิจวัตรหลักอันเป็นปกติเยี่ยงบุคคลทั่วไปอันเนื่องมาจากสาเหตุทางปัญหาสุขภาพ หรือความเจ็บป่วยที่เป็นต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 180 วัน หรือทุพพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 วัน
- หนังสือรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ (แบบ ล.ย.04)
- หนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูคนทุพพลภาพ (แบบ ล.ย. 04-1)การหักลดหย่อนค่าอุปการะบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ
1. หักลดหย่อนค่าอุปการะบิดามารดาซึ่งเป็นคนพิการหรือคนทุพพลภาพได้คนละ 60,000.- บาท
2. กรณีเป็นทั้งคนพิการและเป็นคนทุพพลภาพด้วย ให้หักลดหย่อนได้ในฐานะคนพิการเพียงฐานะเดียว
ยกตัวอย่างเช่น นาย ก สมรสกับนาง ข โดยนาง ข เป็นผู้ไม่มีเงินได้ นาย ก อุปการะเลี้ยงดูบิดาของ นาย ก ซึ่งมีอายุ 65 ปี และเป็นผู้ไม่มีเงินได้ และอุปการะมารดาของนาง ข ซึ่งเป็นคนพิการ อายุ 70ปี ไม่มีเงินได้ นาย ก สามารถลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาได้ดังนี้ได้ดังนี้
- ลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา ของนาย ก จำนวน 30,000.- บาท
- ลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูมารดา ของนาง ข จำนวน 30,000.- บาท
ลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูมารดา ของนาง ข ซึ่งพิการ จำนวน 60,000.- บาท
รวมนาย ก ใช้สิทธิลดหย่อนเกี่ยวกับบิดามารดาได้รวมจำนวน 120,000.- บาท
การหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดามีหลายกรณีดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ลองศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และหลักฐานที่ใช้ประกอบการในการใช้สิทธิลดหย่อน เพื่อที่จะได้เตรียมตัว เตรียมพร้อมสำหรับการยื่นเสียภาษีปลายปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น