การหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืม - TaxTeller

วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

การหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืม

การหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืม

        การหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในที่นี้ เป็นดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินมาเพื่อซื้อ หรือเช่าซื้ออาคาร อาคารพร้อมที่ดิน ห้องชุดในอาคารชุด หรือเพื่อสร้างอาคารใช้อยู่อาศัยบนที่ดินของตนเองหรือบนที่ดินที่ตนเองมีสิทธิครอบครอง โดยต้องมีการจำนองอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุด หรืออาคารพร้อมที่ดินนั้นเป็นหลักประกันในการกู้ยืม โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้
        1. ต้องเป็นการกู้ยืมเงินจากผู้ให้กู้ (เจ้าหนี้) ดังนี้
            1.1 ผู้ให้กู้ต้องเป็นผู้ประกอบกิจการในประเทศไทย ได้แก่
                   - ธนาคาร
                   - บริษัทตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
                   - บริษัทประกันชีวิต
                   - สหกรณ์
                   - นายจ้างซึ่งมีระเบียบเกี่ยวกับเงินกองทุนที่จัดสรรไว้เพื่อสวัสดิการแก่ลูกจ้าง
                   - บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามกฎหมายว่าด้วยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่
อาศัย
            1.2 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
            1.3 กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงินที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
            1.4 นิติบุคคลเฉพาะกิจซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยนิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทั้งนี้  เฉพาะกรณีที่นิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าวเข้ารับช่วงสิทธิเป็นเจ้าหนี้เงินกู้แทนกองทุนรวมตาม  (1.2)  หรือ  (1.3)  ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น  บริษัทประกันชีวิต  สหกรณ์  หรือนายจ้าง
            1.5 กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการตามกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
            1.6 รวมถึงการแปลงหนี้ใหม่ (Refinance) จากการเปลี่ยนแปลงเจ้าหนี้เงินกู้ยืมตามข้อ 1.1 - 1.5
        2. ต้องเป็นการกู้ยืมเงินเพื่อ
            2.1 ซื้อหรือเช่าซื้ออาคาร
            2.2 ซื้อหรือเช่าซื้ออาคารพร้อมที่ดิน
            2.3 ซื้อหรือเช่าซื้อห้องชุดในอาคารชุด
            2.4 สร้างอาคารใช้อยู่อาศัยบนที่ดินของตนเองหรือบนที่ดินที่ตนเองมีสิทธิครอบครอง
        3.โดยต้องจำนองอาคารหรือห้องชุดในอาคารชุด หรืออาคารพร้อมที่ดินเป็นประกันการกู้ยืมเงินนั้น  โดยมีระยะเวลาจำนองตามระยะเวลาการกู้ยืม
        4. ต้องใช้เป็นที่อยู่อาศัยในปีภาษีที่นำมาหักลดหย่อน หากมีที่ยู่อาศัยเกินกว่า 1 แห่ง และเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ทุกแห่ง  กรณีมีเหตุจำเป็นไม่สามารถอยู่อาศัยได้ แต่ยังสามารถนำมาใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้  หากเป็นเหตุจำเป็นดังนี้
             -  ถูกนายจ้างส่งให้ไปปฏิบัติงานของนายจ้าง ในต่างถิ่นเป็นประจำ
             -  เกิดอัคคีภัย
             -  เกิดภัยธรรมชาติ
             -  หรือภัยอันเกิดจากเหตุอื่นที่ไม่ใช่ความผิดของผู้มีเงินได้  ที่ทำให้ไม่สามารถอยู่อาศัยได้

หลักเกณฑ์ค่าลดหย่อน

        1. หักลดหย่อนได้เฉพาะดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์ข้างต้น ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000.- บาท
        2. กรณีแปลงหนี้ใหม่ (Refinance) โดยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้เงินกู้ยืม(เจ้าหนี้ใหม่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้างต้น) ให้สามารถนำดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมมาหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000.-บาท
        3. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมนี้ ให้รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อชำระหนี้เงินกู้เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย หรือห้องชุดด้วย แต่ต้องเป็นดอกเบี้ยที่เกิดจากการชำระหนี้ในส่วนที่ไม่เกินหนี้ที่ค้างชำระนั้น
        4. การใช้สิทธิลดหย่อนนั้น สามารถใช้ได้ตลอดปีภาษี ไม่ว่าการกู้ยืมนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในปีภาษี
หรือง่ายๆ ก็คือไม่ว่าการกู้ยืมเงินนั้นจะเกิดต้นปี กลางปี หรือปลายปีก็ตาม ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่เกิดในปีภาษีนั้นสามารถนำมาใช้ลดหย่อนได้
        5. สิทธิการหักลดหย่อนให้ใช้เฉพาะผู้มีเงินได้เท่านั้น
        6. กรณีการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงินที่ได้เริ่มทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
พ.ศ. 2564  เป็นต้นไป ผู้มีเงินได้ต้องแจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ต่อเจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืม
        7. กรณีการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงินที่ได้ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2564
หากผู้มีเงินได้เลือกไม่แจ้งความประสงค์ที่จะใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ต่อเจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืม ผู้มีเงินได้ต้องมี
หลักฐานจากเจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืมที่พิสูจน์ได้ว่ามีการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมเงินนั้น

 หลักฐาน

        หนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากเจ้าหนี้ผู้ให้กู้ยืม

การใช้สิทธิ 

        1. กรณีผู้มีเงินได้เป็นผู้กู้ยืมในสัญญากู้ยืมเพียงคนเดียว หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000.-บาท
        2. กรณีมีผู้กู้ยืมหลายคนในสัญญากู้ยืมฉบับเดียว  ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนได้โดยการเฉลี่ยตามจำนวนของผู้กู้ยืมตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000.- บาท เช่น นาย ก  นาย ข  นาย ค และนาย ง ร่วมกันกู้เพื่อซื้ออาคารพร้อมที่ดิน และได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไปในปี 2560 จำนวน 150,000.- บาท   ทั้ง 4 คน เป็นผู้มีเงินได้ สามารถนำดอกเบี้ยเงินกู้ยืมตามสัญญาฉบับนี้ไปลดหย่อนในปีภาษี 2560 ได้คนละ 25,000.- บาท (100,000 หาร 4 เท่ากับ 25,000 นั่นเอง)
        3. กรณีสามีภริยา กู้ยืมเงิน สรุปได้ดังนี้

ยกตัวอย่างเช่น  นาย ก  ได้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อห้องชุด ตั้งแต่ปี 2559 และได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากการซื้ออาคารชุดในปี 2560 ไปจำนวน 50,000.- บาท  ต่อมาในปี 2560 ได้สมรส กับ นาง ข  และได้กู้ยืมเงินร่วมกันเพื่อซื้ออาคารพร้อมที่ดิน จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้ออาคารและที่ดิน ในปี 2560 ไปจำนวน 120,000.-บาท โดยที่ต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ดังนั้นในปีาษี 2560 นาย ก และ นาง ข สามารถใช้สิทธิลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ดังนี้       
           นาย ก ลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากการซื้อห้องชุด ได้จำนวน                        50,000.- บาท
                      ลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากการกู้ร่วมซื้ออาคารและที่ดิน ได้จำนวน   50,000.- บาท
                      รวม นาย ก ใช้สิทธิลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืม  ได้จำนวน                     100,000.- บาท
           นาง ข ลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากการกู้ร่วมซื้ออาคารและที่ดิน ได้จำนวน   50,000.- บาท
                      รวม นาง ข ใช้สิทธิลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืม  ได้จำนวน                       50,000.- บาท
(เนื่องจาก นาย ก และ นาง ข ร่วมกันกู้ยืมเพื่อซื้ออาคารพร้อมที่ดิน ดังนั้นดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมนั้นต้องนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม โดยดอกเบี้ยนั้นต้องเป็นดอกเบี้ยตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000.- บาท นาย ก และ นาง ข จึงสามารถใช้สิทธิได้คนละครึ่งของดอกเบี้ย 100,000.- บาทนั่นเอง)
          การใช้สิทธิหักค่าลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อ เช่าซื้อ อาคาร ห้องชุดในอาคารชุด อาคารพร้อมที่ดิน หรือการสร้างอาคารบนที่ดินของตนเอง หรือที่ดินที่ตนมีสิทธิครอบครองนั้น โดยสรุปแล้วถ้าการกู้ยืมเงินนั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ให้พิจารณาสัญญากันเป็นฉบับๆไป กล่าวคือดอกเบี้ยที่เกิดจากการกู้ยืมเงินในสัญญาแต่ละฉบับนั้นสามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000.-บาท แล้วต่อมาให้ดูจำนวนผู้กู้ร่วมโดยไม่ได้คำนึงถึงว่าผู้กู้ร่วมนั้นจะมีเงินได้หรือไม่ก็ตาม การจะใช้สิทธิลดหย่อนนั้นให้เฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วมทุกคน  ยกเว้นแค่เฉพาะกรณีสามีภริยากู้ร่วมกัน แล้วฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่มีเงินได้ ฝ่ายที่มีเงินได้สามารถใช้สิทธิได้เต็มจำนวนตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000.- บาท โดยไม่ต้องหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม อันนี้เป็นข้อยกเว้นเพียงกรณีเดียวเท่านั้นเอง 








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น